เพราะการเจอกัน….ไม่มีคำว่า บังเอิญ คนที่มี กรรม ต่อกันจะเดินมาเจอกัน

เพราะการเจอกันไม่มีคำว่า บังเอิญ ไม่เพราะกรรมเขาที่มีต่อคุณ
ก็กรรมคุณที่มีต่อเขาจึงได้มาเจอกัน
และกรรมนั้นจะพาคนทั้งสองมาเจอกันในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น…
นี่คือข้อความที่ผมเคยอ่านจากหลักพุทธศาสนา ที่ว่ามันคงเป็นกรรมอย่างหนึ่ง ที่นำพาพวกเราทั้งหลายให้มารู้จักกันได้ เช่นเดียวกับการมาเป็นแฟนคลับ โอตะ หรือ ติ่ง BNK48 บอกได้เลยครับ ว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด
หลังจากที่ได้ฟังเพลงจากใจผู้สาวคนนี้ ที่โมบายล์ได้ร้องไป และยิ่งได้ไปดูไทบ้านมา แล้วยิ่งกลับมาดู MV “จากใจผู้สาวคนนี้” อันเป็นเพลงที่ก้อง ห้วยไร่ หรือเจ๊ก้องในหนัง ได้แต่งเพื่อให้น้องๆ BNK48 ได้ฝึกร้อง ในสำเนียงอีสานที่เราได้สัมผัส
เพลงนี้ได้แต่งโดยอาจารย์จินนี่ ภูไท ที่เรียกกันว่าเป็น เจ้าพ่อ “ตลาดอินดี้อีสาน” สามารถแต่งเพลงอีสานป๊อปๆได้หลักหลายสิบล้านวิวหลายๆเพลง รวมถึงมีความร่วมสมัย มีกลิ่นอายเครื่องดนตรีอีสาน พร้อมกับบทเพลงร้อยแก้ว ภาษาสลักสลวยที่ถักทอออกมาเข้ากันดนตรียิ่งนัก
เราจะไม่มาพูดกันในส่วนของดนตรี แต่เราจะมาพูดกันในส่วนของตัวเนื้อเพลง ที่มันสื่อถึงสิ่งที่ผมได้เกริ่นไว้ที่ข้างต้น
ยิ่งมาประกอบกันกับบริบท ในเรื่องที่ BNK48 อยู่ในช่วงขาลง ไม่ได้เป็นที่นิยม วงกำลังจะไปไม่ไปแหล่ เลยต้องมาทำเพลงอีสาน เพื่อที่จะต้องมาต่อลมหายใจ ให้ไปกันต่อกับสมาชิกที่เหลืออยู่ มันช่างมีความหมายยิ่งนัก
จะขอยกท่อนเพลงมาประกอบสิ่งที่ผมอยากจะสื่อซักเล็กน้อยครับ
“ดีใจที่มาพบเธออยู่ใต้แผ่นฟ้า ฮอยยิ้มที่ส่งมอบมา มันคือกำลังใจ ความเหนื่อยล้า ที่มีของน้อง จางหายไป แค่มีเจ้าอยู่ข้างๆ ใจ อีหยังกะบ่ย้าน”
สำหรับท่อนนี้ มันคงเป็นความรู้สึกที่ไอดอลคือเหล่าน้องๆ อยากจะส่งต่อให้กับเรา
น้องๆหลายคนเคยพูดนะครับ มันคือสิ่งที่ดีมากๆเวลาเจอหลายคนมาต้อนรับ มาส่งเสียงเชียร์ มาคอยทำอะไรให้ ทั้งที่ญาติพี่น้องก็ไม่ใช่ เพื่อนก็ไม่เชิง
ทุกคนในโลกนี้ต้องการให้มีคนนิยมชมชอบ มากกว่ามีคนเกลียด หลายคนที่ไม่เข้าใจ ไม่ได้เป็นแฟนคลับศิลปินดารา หรือโอตะ ก็มักจะเคยคนที่ไม่ได้ตามในวงการนี้ ค่อนคอดเสมอว่า ตามไอดอลไปทำไม ตามแล้วมีแต่เสียเงิน ไม่เห็นจะได้อะไรเลย
สำหรับคำตอบที่ทุกคนมาตามไอดอลทำไม มันก็คงมีหลากหลายคำตอบกันได้ แต่ทุกคนที่มาตาม แทบทุกคนก็จะพูดเหมือนกัน ได้เจอหน้าน้องๆ ได้มางานจับมือ แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่นี้ก็ทำให้มีแรงใจที่จะสู้ต่อไปกับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันแล้ว แม้อาจจะไม่ได้รู้จักกันสนิทขนาดนั้น
คำที่ชอบมากที่สุดของผม คือคำว่า “ย่าน”
“ย่าน” ภาษาอีสาน แปลว่า “กลัว” ซึ่งใช้ได้ทุกบริบท เมื่อเกิดความกังวล หวาดระแวงในใจ เราก็กลัวได้ทั้งนั้น
เช่นกัน สำหรับไอดอล การที่มีคนหลายคนมาให้กำลังใจ แม้จะไม่เคยคุย สนิทหรือไม่สนิท จำได้หรือจำไม่ได้ แค่นี้ก็มีความหมายสำหรับพวกเธอเสมอๆ เพราะการเป็นไอดอลไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเธอต้องเจออะไรมามากมาย ทั้งการซ้อมการเต้น คำปรามาส และแรงกดดันมหาศาล การที่ “บ่เคยคิดย่าน” ที่แปลว่า ไม่เคยคิดกลัว จึงมีความหมายมากๆ
เช่นเดียวกับเราชาวโอตะ เวลาที่เรากลัวกับสิ่งต่างๆ อาจจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิต การเรียน การเงิน หรืออุปสรรคต่างๆ บ่อยครั้ง เราก็รู้สึก “ย่าน”เหมือนกัน แต่เมื่อเรามีไอดอล เราได้กำลังใจจากสิ่งที่ไอดอลให้กับเรา ไอดอลได้พลังใจที่เราได้มอบให้ไป มันคือความสัมพันธ์ เป็นรักที่ไม่มีเงื่อนไข มันก็เลยบ่ย่าน หรือไม่กลัว เมื่อมีพวกเธอมาเคียงข้าง
แม้ว่าถึงจุดหนึ่งเราจะไม่ได้ตามไอดอลแล้ว หรือไอดอลคนนั้นได้ประกาศวางมือ จบการศึกษาออกไป แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วใช่ไหมล่ะครับทุกท่าน เวลาเรานึกถึงที่ไร มันก็ชื่นใจเสมอ ผมก็คงเชื่อว่าทุกคนคงรู้สึกแบบเดียวกันกับที่ผมรู้สึกได้นะ
“สบตากันแค่ครั้งเดียวใจก็ฮู้ว่าเป็นเจ้า คนที่ใจเฝ้ารอมานานแสนนาน อบอุ่นมั่นแก่นคือจั่งมื้อแรกที่พบกัน เจ้าบ่เคยสิแปลผันไป อาจสิเป็นนำบุญเก่าที่เฮาร่วมสร้างกันมา”
เราถึงได้บอกไง มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกที่เรามารู้จักกันกับไอดอล
ยิ่งตามที่ผมได้เกริ่นข้างต้น มันต้องเคยมีกรรมร่วมกัน มีบุญร่วมกัน เราถึงได้มารู้จักกันได้ จะมากน้อยแค่ไหนก็ตามแต่
ยิ่งในเนื้อเพลงที่ประกอบกันนี้ บุญเก่าที่ได้ร่วมกันสร้างกันมา มันถึงทำให้เราได้มาเจอกันจริงๆ อาจจะเป็นว่าชาติก่อนเราเคยเป็นเพื่อนเมมเบอร์ เราเคยเป็นเพื่อนบ้านเมมเบอร์ เราเคยทำงานกับเมมเบอร์ หรือไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มันถึงได้มาเจอกันอีกในชาตินี้ ในฐานะเมมเบอร์ กับแฟนคลับ
การที่เราจะเลือกตามใครก็ตาม เมมเบอร์คนไหนก็ตาม บางครั้งมันอาจจะมีคำว่า first impression อยู่ด้วย ความประทับใจแรกที่อยากจะติดตามเขา อยากจะสนับสนุนเขาตลอดไป
แบบว่าคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน จะมาติดตามกันเลยไม่ง่ายนัก มันก็ต้องมีความประจำใจแรกนี่แหละ อาจจะเป็นว่าเราได้ดูรูปโปรไฟล์ของน้องคนนี้ มาดูไลฟ์ของน้องคนนี้ ไปจับมือกับน้องคนนี้ ไปดูตามงานอีเวนท์น้องคนนี้ ไปดูไลฟ์ตู้ปลาน้องคนนี้ เดินผ่านน้องคนนี้ และอื่นๆอีกมากมายหลายเหตุผลร้อยแปด
คำว่า “สบตากันแค่เพียงครั้งเดียวก็ฮู้มาเป็นเจ้า” ก็ยิ่งทำให้กับบริบทนี้ไปอีกครับ
เมื่อเรามาตามเมมเบอร์ เมมเบอร์เขาก็อุ่นใจ ไม่ว่าจะมีอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็มีพลัง เพราะรู้ว่าสุดท้ายเราพร้อมที่จะสนับสนุนเขาต่อไป เหมือนกับ “อบอุ่นอบอุ่นมั่นแก่นคือจั่งมื้อแรกที่พบกัน” แปลเป็นไทยว่า “อบอุ่นจริงๆเมื่อนึกถึงวันแรกที่เราพบกัน”
เราเคยมองย้อนกลับไปถึงวันเก่าๆไหมครับ วันแรกที่มาตามเมมเบอร์ จากที่ผมบอกข้างต้น มันก็มีความประทับใจแรกเข้ามาเกี่ยวข้องโดยแน่ๆ
วันแรกที่ได้เจอกับเมมเบอร์ มันอุ่นใจเนอะ เหมือนว่าความฝันมันเป็นจริงขึ้นมาแล้ว เรารู้สึกประทับใจ เหมือนกับได้เข้ามาทำให้โลกของเราเปลี่ยนไป เมื่อเจอกัน เราก็จำได้ไม่ลืม เมมเบอร์ก็จำได้ไม่ลืมกว่าครับ
ยิ่งถ้าใครตามวงตั้งแต่สมัยแรก ที่แฟนคลับมีหลักร้อย ไปตามงานไม่ถึงหลักสิบ ภาพเก่าๆก่อนที่วงจะโด่งดัง มันยิ่งชัดเจนมากๆ จากที่น้องเป็นแค่คนธรรมดา จนมามีชื่อเสียงแบบปัจจุบัน flashback มันยิ่งชัด ผมก็ยิ่งเชื่อ เวลาที่เมมเบอร์ท้อใจ ก็คงนึกถึงวันแรกที่เขาได้เจอแฟนคลับแน่นอน แม้แต่วันที่จบการศึกษาไปแล้ว
และเขารู้ว่า เราจะยังไม่เปลี่ยนไป เหมือนกับท่อนที่ว่า “เจ้าบ่เคยสิแปลผันไป” ยามใดที่เธออ่อนล้า เราทุกคนคงพร้อมที่จะสนับสนุนเมมเบอร์ในวันที่แย่ๆ ดังเช่น ดราม่าต่างๆที่เกิดขึ้นผ่านมา มันก็ยิ่งทำให้เราผูกพันกับเมมเบอร์ยิ่งไปอีก ใช่ไหมครับ?
“ขอบคุณเด้อที่เธอ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกัน ขอบคุณจากใจผู้สาวคนนี้ ให้สัญญาว่าสิฮักแต่เจ้า หมดหัวใจของน้องยอมพลี เพื่อเธอคนดีจากนี้ไปจนนิรันดร์”
ท่อนนี้ก็เป็นบทสรุปทั้งหมดจริงๆครับ ขอบคุณจากใจจริงที่ทุกคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเธอ ในหลายๆครั้ง โลกที่มันช่างแสนโหดร้าย เราก็คงต้องการแค่เพียงใครซักคนที่จะอยู่ข้างกาย ให้เผชิญหน้าต่อไป ขอแค่ซักคนเดียวก็ยังดี
แต่เมมเบอร์นั้น คงเป็นความโชคดียิ่งที่เราได้ทุกคนมาเป็นแรงสนับสนุน มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และนึกถึงเสมอ
เวลาที่เราจะนึกถึงคนสำคัญในชีวิต ถ้าเป็นคนทั่วไป อาจจะนึกถึงพ่อแม่ เพื่อนสนิท แฟน คนรัก พี่น้อง ในส่วนของเมมเบอร์นั้น ผมเชื่อว่า พวกเธอจะนึกถึงแฟนคลับด้วยเสมอ นอกเหนือจาก list รายชื่อเหล่านั้น
และท่อนที่มันกินใจผมมาก ก็คือท่อนที่เรียกว่า “ให้สัญญาว่าสิฮักแต่เจ้า หมดหัวใจของน้องยอมพลี” หรือแปลว่า “จะรักเธอตลอดไป ทั้งหัวใจจะยอมมอบให้”
เมมเบอร์สัญญาว่าจะรักพวกคุณทุกคนตลอดไป หลายคนคงคิดว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องที่จริงนัก อาจจะพูดเอาใจทุกคนให้สบายใจ หรือพูดไปตามการตลาด แต่พวกเธอก็ตอบแทนพวกเรา ด้วยการทำผลงานให้ดียิ่งขึ้นไป สมกับที่พวกเราสนับสนุน แค่นี้มันก็อาจจะมากกว่าคำพูดว่ารักทั่วไปแล้ว เหมือนกับที่บอกว่า “การกระทำสำคัญกว่าคำพูด”
และจบที่ว่า “เพื่อเธอคนดี จากนี้ไปจนนิรันดร์” นั่นคือจะตอบแทนความรักที่มีให้พวกเราที่เป็นแฟนคลับตลอดไป
ความรักที่เราให้กับเมมเบอร์ มันคงไม่ใช่ความรักในเชิงชู้สาว มันคงเป็นความรักที่เป็นการให้โดยไม่มีเงื่อนไขมากกว่า ดังนั้นเราจึงวางใจได้ในสิ่งที่เมมเบอร์ได้ให้ความรักกับเราตอบ ตลอดไปจวบจนวาระสุดท้ายของพวกเธอ ใครได้ฟังก็ต้องมีน้ำตาไหลบ้างแหละ
บวกกับน้ำเสียงโมบายล์ ที่แสนซึ้งแสนกินใจ ใครเป็นแฟน BNK48 ได้ฟังไม่น้ำตาไหลซาบซึ้ง ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวข้างต้น มันช่างเข้ากันกับบริบทในเรื่องไทบ้านยิ่งนัก ที่ว่าด้วยการที่ BNK48 อยู่ในช่วงขาลง ไม่ได้เป็นที่รู้จักเหมือนแต่ก่อน เหลือคนสนับสนุนไม่กี่คน
ถ้าในความจริง เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า BNK48 คงจะต้องเข้าใกล้จุดตามที่เรื่องไทบ้านต้องการจะนำเสนอในวันใดวันหนึ่ง ถึงตอนนั้นก็น่าจะคิดว่าเราจะยังตามวงกันต่อไปไหม เมื่อเราโตขึ้น ผมเชื่อว่าไม่มีทางที่เราจะติดตามได้แบบจริงจังเท่าเก่า หรืออาจจะเลิกตามด้วยเหตุผลหลายๆประการก็ได้
แต่ในขณะที่เรายังคงตามวงอยู่ ยังตามน้องๆอยู่ น้องๆคงรู้สึกตามความหมายในเพลง ที่อยากจะขอบคุณทุกคนไม่รู้จบ และคงอยากที่มีโอกาสขอบคุณกับตัวเองแบบนี้
เท่านี้ มันก็เป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำของเรา ที่ได้น้องๆมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และกรรมที่ได้สร้างร่วมกัน ก็จะทำให้เห็นว่า เราจะยังได้รู้จักได้เจอน้อง ได้สนับสนุนน้องแบบนี้ต่อไปได้อีกนานเท่าใด
แต่ไม่ว่าผ่านไปเท่าใด มันคือสิ่งที่สวยงาม ที่ประทับใจตลอดกาล ตราบจนชีวิตเราและชีวิตเมมเบอร์ทุกคนจนสิ้นลมหายใจแน่นอน…..
#ข่าวออนไลน์ #ข่าวบันเทิงดารา #อัพเดทข่าวกีฬา #mobileBNK48 #จากใจผู้สาวคนนี้