การปะทะกันระหว่าง 2 จักรวาล ที่ต่างขั้วกันสิ้นเชิง หากแต่อย่างไรก็มีจุดเด่นที่คล้ายกันอยู่บ้าง
ตรงที่มีการดึงดูดผู้ชื่นชอบเฉพาะกลุ่มสูงมาก ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้น เรียกได้ว่าเป็นการนำเสนอที่ตัวของนักแสดง นำมามาผสมผสานให้สอดคล้องกับเรื่องที่แต่งขึ้น

มาพบเจอกันได้อย่างไร BNK48 กับ ไทบ้าน?
บริษัท BNK48 ในภาพยนตร์ กำลังประสบกับการขาดเงินทุนอย่างหนัก เพราะฉะนั้นพวกเธอจึงหาทางออกด้วยการนำเพลงของตนเองมาผสมผสานให้เข้ากับดนตรีอีสาน เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ฟังให้มากขึ้น พวกเธอจึงตัดสินใจไปจ้าง ก้อง ห้วยไร่มาเป็น Producer เขาจึงพาน้องๆ BNK48 ไปจังหวัด ศรีสะเกษ เพื่อซึมซับความเป็นอีสานให้ถึงแก่น
เอกลักษณ์ของหนังไทบ้าน แน่นอนว่าเน้นความเป็นธรรมชาติในระดับสูง จึงทำให้ BNK48 สามารถแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาในหนังได้อย่างเต็มที่ มีความน่ารักที่น่าหยิกแก้มของเหล่าน้องๆ จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการ กินอาหารแบบบ้านๆ หรือ ความพยายามในการพูดภาษาอีสาน ก็ดูน่ารักไปเสียหมด ซึ่งเดอะแบกที่อยากชื่นชม คือ น้องเนย BNK48 ซึ่งเธอเป็นหนึ่งในตัวละครที่ช่วยในการขับเคลื่อนหนังได้เป็นอย่างดี
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับความจริงก็คือ ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้นเล่าได้อย่างไม่มีแก่นสารมากๆ พูดง่ายๆ คือ ไม่มีความปะติดปะต่ออันใดเลย นอกจากนี้ในหลายๆ ฉากก็ไม่มีเหตุผลอะไรมารองรับแม้แต่น้อย ตั้งแต่ต้นจนจบ เหล่าน้องๆ ได้ไปฝึกร้องเพลงตอนไหน อีกทั้งซีนอารมณ์บางฉากก็ไม่ชวนซึ้งแต่อย่างใด ดูแล้วรู้สึกถึงความไร้สาระมากกว่า อีกทั้งการบริหารจัดการปัญหาใหญ่ในเรื่องก็แลดูไม่สมจริงมากๆ
สรุป สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ มีการนำเสนอภาพลักษณ์รวมทั้งความน่ารักต่างๆ ให้แก่แฟนคลับได้ดี หากแต่ก็ยังขาดการพัฒนาในส่วนของบทที่ดี จึงทำให้ขาดพลังในความเป็นภาพยนตร์ไปอย่างมาก ทำให้เหมือนดูคนมายิงมุก และโชว์ความ น่ารักเสียมากกว่า จึงทำให้การขายเพลงทั้ง 2 เพลงที่ทำมาเพื่อหนังเรื่องนี้ ไม่มีพลังเท่าที่ควรจะเป็น
เครดิตภาพ charcoal
#ข่าวออนไลน์ #ข่าวบันเทิงดารา #อัพเดทข่าวกีฬา #ไทบ้าน #BNK48